การเรียนภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนจากในชั้นเรียนหรือการเรียนเสริมเพิ่มเติม ล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น เนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสังคม โดยเฉพาะตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ยุคของโลกาภิวัฒน์ ซึ่งทุกคนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทั่วโลก และไม่ใช่แค่การติดต่อสื่อสารเท่านั้น การทำธุรกิจ หรือการเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ก็สามารถทำได้ทั่วโลกเช่นกัน
วิธีการเลือกสถาบันสอนภาษาอังกฤษ
ในปัจจุบันมีสถาบันสอนภาษาอังกฤษเกิดขึ้นมากมาย แต่สิ่งสำคัญที่ใช้ในการเลือกสถาบันสอนภาษา คือเลือกให้เข้ากับตัวเอง ใช้ตัวเองเป็นหลักในการเลือก ซึ่งจะมีปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาร่วม ดังนี้
1. เลือกจากแนวทางในการสอน
เราจะต้องเลือกสถาบันที่มีแนวทางในการสอนตรงกับไลฟ์สไตล์ของเรามากที่สุด เช่น หากเราชอบการเรียนกับคนเยอะ ๆ เรียนกับกลุ่มเพื่อน ก็เลือกสถาบันที่มีคอร์สเรียนสดในห้อง หรือหากต้องการสมาธิและต้องการเรียนตัวต่อตัว ก็จะต้องเลือกสถาบันที่มีคอร์สเรียนแบบตัวต่อตัว
2. เลือกจากคอร์สเรียนที่สนใจ
เนื่องจากแต่ละคอร์สเรียนก็จะมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นคอร์สเรียนพื้นฐาน คอร์สเรียนเตรียมสอบ คอร์สเรียนสำหรับเด็ก และคอร์สเรียนสำหรับวัยทำงาน เป็นต้น การเลือกคอร์สเรียนที่เราสนใจและสนุกไปกับการเรียนจะช่วยให้การเรียนของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3. เลือกเรียนกับครูเจ้าของภาษา
การเรียนกับครูเจ้าของภาษาโดยตรง จะช่วยฝึกเรื่องการฟังสำเนียง การออกเสียง และฝึกการพูดคุยสื่อสารกับชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศต่าง ๆ อีกด้วย
4. เลือกจากชื่อเสียงของสถาบัน
สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เมื่อต้องเลือกสถาบันสอนภาษา นั่นคือชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของสถาบันนั่นเอง เพราะจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าเป็นสถาบันที่มีคุณภาพ ได้รับความไว้วางใจจากผู้เรียนจริง และชื่อเสียงของแต่ละสถาบันก็มีความแตกต่างกัน เช่น บางสถาบันอาจจะเน้นไปที่การติดต่อสื่อสาร บางสถาบันอาจจะเน้นไปที่การเตรียมสอบ เป็นต้น
5. เลือกจากความสะดวกในการเดินทาง
ความสะดวกในการเดินทางก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะนำมาใช้พิจารณาร่วมเช่นกัน เพราะหากเลือกสถาบันที่ไกล เดินทางยาก อาจจะทำให้เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายมากขึ้นโดยไม่จำเป็น ดังนั้น เลือกสถาบันสอนภาษาจากการเดินทางที่สะดวกหรือใกล้บ้านจะดีกว่า
6. เลือกการการจัดตารางเวลา
ผู้เรียนทุกคนอาจจะมีเวลาว่างไม่ตรงกัน หรือในกรณีที่อยู่ในวัยทำงาน อาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องเวลาการเรียน จึงควรเลือกสถาบันสอนภาษาที่สามารถจัดตารางเวลาเรียนเองได้ หรือมีคอร์สเรียนที่มีเวลาให้เลือกอย่างหลากหลาย
7. เลือกจากงบประมาณของตนเอง
ท่ามกลางเศรษฐกิจแบบนี้ เชื่อว่าหลายคนจะต้องคิดหนักเรื่องการใช้เงิน ซึ่งแม้ว่าการเรียนภาษาอังกฤษจะมีความสำคัญมากแค่ไหน แต่ก็จะต้องเลือกเรียนตามงบประมาณที่มีอยู่ ไม่ให้เดือดร้อนตนเองมากจนเกินไป ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการเรียนที่ไม่สบายใจได้